Alienum phaedrum torquatos nec eu, vis detraxit periculis ex, nihil expetendis in mei. Mei an pericula euripidis, hinc partem.

กาแฟเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่มีผู้ดื่มมากที่สุดในโลกก็ว่าได้ นอกเหนือจากรสชาติที่เข้มข้นหอมกรุ่นแล้ว กาแฟก็ยังมีคาเฟอีนที่กระตุ้นร่างกายให้เกิดความกระปรี้กระเปร่า คึกคัก ไม่ง่วง แต่ก็มีหลายคนที่ไม่สามารถดื่มกาแฟได้ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพหรือทำให้อาการป่วยที่เป็นอยู่แย่ลง ดังนั้น กาแฟจึงไม่ได้เหมาะกับทุกคนเสมอไป โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเหล่านี้ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟจะดีที่สุด 1.โรคหัวใจ เนื่องจากคาเฟอีนในกาแฟมีฤทธิ์กระตุ้นประสาทส่วนกลางที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ดังนั้นคนป่วยโรคหัวใจจึงไม่ควรดื่มกาแฟ เพราะจะทำให้อาการที่เป็นอยู่หนักขึ้นได้ 2.ความดันโลหิตสูง เพราะคาเฟอีนในกาแฟจะกระตุ้นให้มีระดับความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้น จนอาจอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายได้ 3.เบาหวาน มีการศึกษาพบว่าคาเฟอีนในกาแฟอาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งผู้ป่วยเบาหวานต้องระมัดระวังในการดื่มเป็นอย่างมาก 4.ลำไส้แปรปรวน คาเฟอีนมีฤทธิ์เป็นยาระบาย ดังนั้นคนที่มีอาการลำไส้แปรปรวนอาจต้องหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ เพราะจะทำให้มีอาการท้องเสียมากขึ้นและทำให้อาการลำไส้แปรปรวนแย่ลงกว่าเดิม 5.ต้อหิน หากดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีนจะทำให้ความดันในลูกตาสูงขึ้นจึงเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยต้อหิน 6.กระดูกพรุน เนื่องจากคาเฟอีนส่งผลทำให้มีการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะมากขึ้น ผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนจึงควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีน จะเห็นได้ว่าการดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีนไม่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะผู้ป่วยหรือผู้ที่มีโรคประจำตัวดังกล่าว ยิ่งควรระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟจะดีที่สุด เพราะอาจส่งผลให้อาการของโรคแย่ลงกว่าเดิมนั่นเอง...

5 วิธีดื่มกาแฟอย่างฉลาด เสริมสุขภาพดีให้เฮลตี้ทุกวัน ! หลายคนอาจจะมองว่ากาแฟไม่ดีต่อสุขภาพ แต่หากดื่มอย่างถูกวิธีและดื่มอย่างเหมาะสม ก็จะทำให้เกิดผลดีต่อสุขภาพร่างกายได้เหมือนกัน ซึ่งวันนี้เราก็มีคำแนะนำในการดื่มกาแฟเพื่อสุขภาพมาฝาก มีอะไรบ้างก็ต้องไปดูกันเลย 1.ดื่มในปริมาณที่เหมาะสม การดื่มกาแฟที่เหมาะสมและดีต่อสุขภาพ คือไม่เกินจาก 3 แก้วต่อวัน หรือน้อยกว่านี้ในคนที่ดื่มแล้วมีอาการนอนไม่หลับ ใจสั่น หรือเริ่มติดกาแฟ 2.ดื่มให้ถูกเวลา ดื่มกาแฟได้ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงบ่าย 3 โดยหลังจากเวลานี้ไปแล้วไม่ควรดื่มเพราะจะทำให้นอนไม่หลับได้ และอาจตามมาด้วยปัญหาสุขภาพอีกมากมาย และห้ามดื่มในขณะที่ท้องว่างเด็ดขาด 3.ดื่มกาแฟสดที่ไม่ใส่น้ำตาล ครีมเทียม ควรดื่มกาแฟสด ที่ไม่ใส่น้ำตาล ครีมเทียม วิปครีมหรือท็อปปิ้งใดๆ ลงไปทั้งสิ้น เพราะจะทำให้อ้วนลงพุงและอาจเป็นเบาหวานได้ แม้ดื่มเพียง 1 แก้วต่อวันก็ไม่ดีต่อสุขภาพแล้ว 4.ดื่มน้ำตามเยอะๆ เมื่อดื่มกาแฟแล้ว อย่าลืมดื่มน้ำตามเยอะๆ ด้วย เพราะกาแฟมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ อาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากเกิน จึงต้องดื่มน้ำมากๆ เพื่อเป็นการทดแทน 5.ดื่มกาแฟก่อนออกกำลังกาย ช่วงก่อนออกกำลังกายเหมาะมากที่จะดื่มกาแฟ เพราะจะทำให้ร่างกายฟิต ออกกำลังกายได้นานขึ้น และช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญได้ดี การดื่มกาแฟเพื่อสุขภาพทำได้ไม่ยากเลย เพียงทำตามเคล็ดลับเหล่านี้ ก็จะได้ประโยชน์จากกาแฟแบบเต็มๆ โดยไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพแล้วล่ะ...

กาแฟ ถือเป็นพืชที่มีต้นกำเนิดในพื้นที่ป่าธรรมชาติแบบร้อนชื้น โดยปัจจุบันมีการปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก โดยมี 2 สายพันธุ์ที่นิยมปลูกกันมากคือ สายพันธุ์อราบีก้า และสายพันธุ์โรบัสต้า สำหรับส่วนประกอบหลักของกาแฟก็คือ คาเฟอีน ซึ่งพบทั้งในต้น ผล และเมล็ดกาแฟ โดยในกาแฟโรบัสต้าจะมีปริมาณคาเฟอีนสูงกว่ากาแฟอราบีก้า นอกจากนี้ วิธีการสกัดกาแฟและรูปแบบการดื่มก็มีผลต่อปริมาณคาเฟอีนด้วยเช่นเดียวกัน และการชงกาแฟแบบที่ชงแล้วยังเหลือกากกาแฟ ที่เราเรียกว่า กาแฟสด จะพบปริมาณเคเฟอีนต่อกาแฟ 1 แก้วอยู่ที่ประมาณ 50 – 150 มิลลิกรัม ซึ่งสูงกว่าการดื่มกาแฟแบบสำเร็จรูป หรือกาแฟพร้อมชงที่จะละลายไปกับน้ำไม่เหลือกากกาแฟ โดยจะพบปริมาณคาเฟอีนอยู่ที่ 40 – 110 มิลลิกรัม   ส่วนประกอบสำคัญของกาแฟ พร้อมฤทธิ์ที่มีต่อสุขภาพ คาเฟอีน (caffein) หรือ เทอีน (theine) เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่อยู่ในประเภทของอัลคาลอยด์ (alkaloids) จำพวกแซนทีน (xanthine) โดยเป็นสารที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติของกาแฟ มีรสขม ไม่มีกลิ่น ซึ่งนอกจากกาแฟแล้ว ยังสามารถพบคาเฟอีกได้ในพืชอีกหลายชนิด เช่น เมล็ดโกโก้ เมล็ดจำพวกโคล่า ในใบชา และในเมล็ดกัวรานา โดยคาเฟอีนจะมีฤทธ์กระตุ้นประสาทส่วนกลาง ซึ่งส่งผลให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัว สดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่ในขณะเดียวกัน คาเฟอีนก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกันหากร่างกายได้รับในปริมาณที่สูงเกินไป เช่น ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว บางรายอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นคลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว หรือปวดท้องรุนแรง นอกจากนี้ยังมีผลวิจัยในต่างประเทศที่บอกว่า คาเฟอีน เป็นผลให้ร่างกายขับเอาแคลเซียมออกมามากขึ้นพร้อมการปัสสาวะ เป็นผลให้ร่างกายเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน จึงมีคำเตือนเรื่องการดื่มกาแฟรวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีส่วนประกอบของคาเฟอีน โดยใน 1 วันร่างกายของเราไม่ควรได้รับคาเฟอีนสูงเกิน 250 มิลลิกรัม...

ทุกวันนี้การหากาแฟสดดื่มสักแก้วเพื่อเติมพลังและความกระปรี้กระเปร่าให้แก่ร่างกายเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยาก เพราะทุกตรอกซอกซอยมีร้านกาแฟสดขายอยู่มากมาย แต่รู้หรือไม่ว่ากว่าจะมาเป็นกาแฟสดให้เราดื่มอย่างทุกวันนี้ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง กาแฟที่เราดื่มกันอยู่ในปัจจุบันล้วนได้มาจากเมล็ดกาแฟที่มีอยู่ด้วยกันหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งเมล็ดกาแฟที่นำมาทำกาแฟสดมีอยู่ด้วยกันหลายสายพันธุ์ดังต่อไปนี้ 1.กาแฟอราบิก้า เป็นเมล็ดพันธุ์กาแฟที่นิยมนำมาทำเป็นกาแฟสดมากที่สุด เพราะมีกลิ่นหอม รสชาตินุ่มนวล 2.กาแฟโรบัสต้า เป็นเมล็ดกาแฟที่ให้รสชาติฝาด แต่มีความเข้มข้นสูง มักนำมาทำเป็นกาแฟสำเร็จรูป เมื่อเลือกเมล็ดกาแฟที่จะนำมาทำกาแฟได้แล้ว ก็ต้องนำมาผ่านกระบวนการคั่วซึ่งใช้เวลาประมาณ 10-20 นาที เพื่อให้เมล็ดกาแฟคลายความชื้นออกมาและทำให้มีกลิ่นหอมมากขึ้น เมื่อถูกคั่วจนได้ที่เมล็ดกาแฟจะเปลี่ยนจากสีเขียวไปเป็นสีน้ำตาลอย่างที่เราเห็นและคุ้นเคยกันดี เมื่อเมล็ดกาแฟถูกคั่วมาแล้วก็จะทำการบรรจุใส่ถุง จากนั้นเมื่อจะนำมาทำเป็นกาแฟสดให้ลูกค้าก็จะต้องนำเมล็ดกาแฟมาบดเป็นผงโดยจะไม่มีการบดกาแฟทิ้งเอาไว้ก่อน เพราะอาจทำให้กาแฟเสียรสชาติได้ แต่หากจำเป็นจริงๆ ก็อาจบดเก็บเอาไว้ก่อนไม่เกิน 3 วัน ก่อนนำมาชงกาแฟ เมื่อบดเมล็ดกาแฟเป็นผงแล้วก็นำมาชงกาแฟสดซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายสูตร ไม่ว่าจะเป็นเอสเพรสโซ่, อเมริกาโน่, คาปูชิโน่และกาแฟรูปแบบอื่นๆ ตามที่ต้องการ ดังที่เราได้เห็นและได้ลิ้มลองรสชาติกันทั่วไปนั่นเอง...

หากถามว่าการดื่มกาแฟทุกวัน จะมีผลเสียต่อสุขภาพหรือไม่ ก็ต้องตอบเลยว่า ขึ้นอยู่กับปริมาณของกาแฟที่ดื่มในแต่ละวัน และส่วนผสมที่ใส่ลงไปในกาแฟแก้วโปรดของคุณว่ามีอะไรบ้าง โดยหากคุณดื่มกาแฟในปริมาณที่มากเกินและใส่น้ำตาลหรือครีมเทียมลงไปอย่างเต็มที่ล่ะก็ ผลเสียย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ดื่มกาแฟแบบไหน ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ การดื่มกาแฟที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ คือดื่มมากกว่า 3 แก้วต่อวัน และมีการใส่นม ครีมเทียม นมข้นหวาน หรือน้ำตาลลงไปในปริมาณมาก เพราะในกาแฟมีคาเฟอีนที่จะทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ ใจสั่น วิตกกังวล และอาจกัดกระเพาะจนทำให้เป็นแผลในกระเพาะอาหารได้ ส่วนน้ำตาล นมข้นหวาน และครีมเทียม ก็จะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน อ้วนลงพุง และคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่มีความอันตรายมากทีเดียว ดื่มกาแฟแบบไหนดี ไม่ให้เกิดผลเสีย อย่างไรก็ตาม การดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะทำให้เกิดผลดีต่อสุขภาพเหมือนกัน เช่น ลดอาการปวดศีรษะ ช่วยให้ร่างกายตื่นตัว ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ โดยแนะนำให้ดื่มกาแฟดำแบบไม่ใส่น้ำตาล ครีมเทียม หรือนมข้นหวานลงไปเลย และต้องดื่มไม่เกิน 3 แก้วต่อวันเท่านั้น การดื่มกาแฟทุกวัน อาจมีผลเสียต่อสุขภาพได้ หากดื่มมากเกินไป เพราะฉะนั้นมาดื่มกาแฟให้น้อยลงในปริมาณที่เหมาะสม และเลือกดื่มกาแฟดำปราศจากน้ำตาลที่ดีต่อสุขภาพกันดีกว่า ที่สำคัญไม่ควรดื่มกาแฟหลังจากบ่าย 3 ไปแล้ว เพราอาจทำให้นอนไม่หลับได้นั่นเอง...

ประโยชน์ของกาแฟดำ กาแฟสด หลายคนชอบดื่มกาแฟสำเร็จรูป ที่มีรสชาติหวานกลมกล่อม อร่อยโดยไม่ต้องเติมอะไรลงไปเลย จนมองข้ามกาแฟดำไป ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากมายุ่งยากกับการชงให้เสียเวลา และไม่ค่อยชอบรสชาติขมๆ ของกาแฟดำมากนัก แต่รู้ไหมว่ากาแฟดำ กาแฟสดนี่แหละ มีประโยชน์มากมายอย่างคาดไม่ถึง ซึ่งเราก็ได้รวบรวมประโยชน์ของกาแฟดำมาบอกกันดังนี้ 1.ช่วยลดน้ำหนัก กาแฟดำ เป็นตัวช่วยอย่างดีในการลดน้ำหนัก เพราะจะช่วยกระตุ้นให้ไขมันถูกสลายออกไปมากขึ้น และลดการสะสมของไขมันส่วนเกินได้ดี โดยแนะนำให้ดื่มเป็นประจำหลังมื้ออาหารเช้า แล้วจะบอกลาความอ้วนได้อย่างง่ายดาย 2.ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ การดื่มกาแฟดำสดๆ โดยไม่ใส่น้ำตาล ก็จะช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้เหมือนกัน เพราะจะช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด จึงไม่ทำให้เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ และช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับหัวใจได้เป็นอย่างดี 3.ลดอาการปวดศีรษะ สำหรับคนที่มีอาการปวดศีรษะบ่อยๆ ต้องกินกาแฟดำกันเลย เพราะกาแฟดำมีคาเฟอีน ที่จะทำให้หลอดเลือดขยายตัวและเลือดไหลเวียนดีขึ้น จึงลดอาการปวดศีรษะได้อย่างดีเยี่ยม 4.ป้องกันโรคมะเร็ง เพียงดื่มกาแฟดำเป็นประจำ ก็สามารถป้องกันโรคมะเร็งร้ายได้ เพราะมีกรดอะซิติกที่จะช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ดี เห็นไหมว่ากาแฟดำมีประโยชน์มากมาย เพราะฉะนั้นลองเปลี่ยนจากการดื่มกาแฟสำเร็จรูป หรือกาแฟคาปูชิโน่ เอสเพรสโซ่ทั้งหลาย มาเป็นกาแฟดำกันบ้างดีกว่า แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรดื่มมากเกินไป เพราะอาจจะก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้เหมือนกัน...